เอาเวลามาอีก!
พามาดู 3 รูปแบบการนอน ที่จะช่วยเพิ่มเวลาในการใช้ชีวิต
![]() |
| Photo from www.pexels.com |
ในโลกทุกวันนี้ที่มีเรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ธุระปะปังมากมาย ไหนจะซีรี่ย์ที่ดูค้างไว้อีก ดูเหมือนว่าเวลาที่มี 24 ชั่วโมงจะไม่เคยพอเลย กับกิจกรรมต่างๆที่พวกเราอยากจะทำ
เชื่อว่าหลายคนคงจะเจียดเวลานอนหลับ ที่ควรจะนอนวันละ 8 ชั่วโมง(ตามหลักการ)มาใช้ แต่จริงหรือที่ว่าคนเราต้องนอน 8 ชั่วโมงยาวๆในแต่ละคืนเท่านั้น?
วันนี้เราจึงอยากนำเสนอรูปแบบการนอนต่างๆที่จะช่วยเพิ่มเวลาการใช้ชีวิตในแต่ละวัน สำหรับเผื่อเป็นทางเลือกสำหรับคุณผู้อ่าน
![]() |
| Photo from sleephabits.net |
Biphasic sleep
คือ การแบ่งเวลานอนหลับออกเป็น2ช่วง ส่วนมากจะเป็น 5-6 ชั่วโมงในตอนกลางคืน และงีบในตอนกลางวันอีกประมาณ 20 นาที
เพราะมีการงีบหลับในช่วงกลางวันจึงช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพิ่มพลังความจำและลดความเครียด อย่างไรก็ตามการที่ต้องงีบในช่วงกลางวัน จะเป็นปัญหากับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ เพราะการงีบกลางวันจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
Everymanเป็นการนอนในรูปแบบ polyphasic ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าแบบอื่นๆ และมีชั่วโมงระหว่างรอบการนอนหลับที่มากกว่า เหมาะสมกับคนที่มีงานยุ่งสุดๆและต้องการเวลาเพิ่มในแต่ละวัน
แต่การนอนในรูปแบบนี้ก็ยังมีข้อเสีย คือต้องจัดเวลางีบในตอนกลางวัน และทำให้มีเวลานอนหลับน้อย
การนอนในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกร่างกายให้เข้าสู่ช่วง REM Sleep ในทันทีที่เอนตัวลงเนื่องจาก ถ้าร่างกายอ่อนเพลียมากๆจะสามารถหลับได้ทันที
ช่วงREM sleep เป็นช่วงดวงตาจะเคลื่อนไหวกลอกไปมาอย่างรวดเร็วขณะหลับ ความฝันทั้งหลายก็จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ และยังเป็นช่วงที่สมองจะประมวลผลความจำ จึงเรียกได้ว่าการนอนในแบบ uberman จะตัดวงจรการนอนช่วงอื่นๆออก และเหลือไว้แต่ช่วง REM sleep ที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
การนอนในรูปแบบนี้ไม่ยืดหยุ่นต่อการจัดตารางเวลา เพราะต้องจัดเวลางีบทุกๆ4ชั่วโมง และมีความยากในการปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการนอน จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถจัดกิจกรรมให้อยู่ใน3-4ชั่วโมงในระหว่างรอบการนอนได้
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนก็มีรูปแบบการนอนที่เหมาะสมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเหมาะกับการนอนหลับแบบปกติ ในขณะที่บางคนสามารถจะงีบเป็นช่วงๆก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ฉะนั้น รูปแบบการนอนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ก็คือแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเอง
เพราะมีการงีบหลับในช่วงกลางวันจึงช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพิ่มพลังความจำและลดความเครียด อย่างไรก็ตามการที่ต้องงีบในช่วงกลางวัน จะเป็นปัญหากับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ เพราะการงีบกลางวันจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
Polyphasic sleep
คือ การแบ่งการนอนหลับออกเป็นมากกว่า2ช่วงขึ้นไปใน1วัน รูปแบบที่เป็นที่รู้จักมีดังนี้![]() |
| Photo from www.skillcollector.com |
Everyman
แบ่งการนอนออกเป็น นอนหลับ3-3.5ชั่วโมง และงีบ20นาทีอีก3ครั้ง รวมเวลานอนประมาณ4ชั่วโมงEverymanเป็นการนอนในรูปแบบ polyphasic ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าแบบอื่นๆ และมีชั่วโมงระหว่างรอบการนอนหลับที่มากกว่า เหมาะสมกับคนที่มีงานยุ่งสุดๆและต้องการเวลาเพิ่มในแต่ละวัน
แต่การนอนในรูปแบบนี้ก็ยังมีข้อเสีย คือต้องจัดเวลางีบในตอนกลางวัน และทำให้มีเวลานอนหลับน้อย
![]() |
| Photo from https://steemit.com |
The Uberman
แบ่งการนอนหลับออกเป็น งีบครั้งละ 20 นาที 6-8 ครั้ง รวมเวลาที่ใช้ไปกับการนอนประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวันการนอนในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกร่างกายให้เข้าสู่ช่วง REM Sleep ในทันทีที่เอนตัวลงเนื่องจาก ถ้าร่างกายอ่อนเพลียมากๆจะสามารถหลับได้ทันที
ช่วงREM sleep เป็นช่วงดวงตาจะเคลื่อนไหวกลอกไปมาอย่างรวดเร็วขณะหลับ ความฝันทั้งหลายก็จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ และยังเป็นช่วงที่สมองจะประมวลผลความจำ จึงเรียกได้ว่าการนอนในแบบ uberman จะตัดวงจรการนอนช่วงอื่นๆออก และเหลือไว้แต่ช่วง REM sleep ที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
การนอนในรูปแบบนี้ไม่ยืดหยุ่นต่อการจัดตารางเวลา เพราะต้องจัดเวลางีบทุกๆ4ชั่วโมง และมีความยากในการปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการนอน จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถจัดกิจกรรมให้อยู่ใน3-4ชั่วโมงในระหว่างรอบการนอนได้
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนก็มีรูปแบบการนอนที่เหมาะสมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเหมาะกับการนอนหลับแบบปกติ ในขณะที่บางคนสามารถจะงีบเป็นช่วงๆก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ ฉะนั้น รูปแบบการนอนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ก็คือแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเอง




ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น